ผีกินเด็ก” เป็นตำนานเล่าขานในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก แต่ละประเทศล้วนมีเรื่องเล่าสุดหลอนเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่มาในรูปแบบผี ปีศาจ หรืออสูรกาย ที่แฝงกายมากลืนกินเหยื่อ โดยเฉพาะเหล่าเด็กๆ ที่มักจะตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์แสนประหลาด ได้รวบรวม 6 ตำนาน สุดหลอน รวมเรื่องเล่าจาก 6 ประเทศทั่วโลก รับกระแสหนังผีเรื่องใหม่ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่าง “Bagman ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานขนหัวลุกเหล่านี้
เปิด 6 ตำนาน ผีกินเด็ก เรื่องเล่าสุดหลอนจากทั่วโลก ก่อนไปดูหนังใหม่ “Bagman” (2024)
1. ตำนาน “เอล โก โก” จากประเทศสเปน
เริ่มกันด้วยเรื่องเล่า จากสเปนในศตวรรษที่ 20 เรื่องราวของสัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกขานว่า “เอล โก โก” มักจะปรากฏตัวมาจับเด็กกินเป็นอาหาร เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากชายที่ป่วยเป็นวัณโรค รักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงไปปรึกษาหมอผีพื้นบ้านที่ชื่อว่า กุรันเดโร ซึ่งเขาแนะนำให้ดื่มเลือดเด็กเพื่อรักษาอาการป่วย ทำให้เอล โก โก ต้องออกไปลักพาตัวเด็กแล้วซ่อนไว้ในถุงผ้าที่พกติดตัว จึงเป็นที่มาของเพลงกล่อมเด็กในสเปนที่ผู้ใหญ่มักจะบอกเด็กๆ ว่า “ให้รีบไปนอน ไม่งั้นเอล โก โก จะมาจับตัว”
2. ตำนาน “ทอร์บาลัน” จากประเทศบัลแกเรีย
บัลแกเรียก็เป็นประเทศที่มีตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับ เรื่องราวของปีศาจร่างกายสูงใหญ่ “ทอร์บาลัน” ที่ปรากฏกายในลักษณะเงาดำทะมึน ในตอนกลางคืนก็จะออกล่าเหยื่อด้วยการเดินไปตามบ้านเรือน เพื่อสอดส่องสายตามองหาเด็กที่จะลักพาตัว ซึ่งเรื่องราวนี้เป็นตำนานที่เล่าขานกันมานานกว่าร้อยปี และสร้างความตื่นตระหนกให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในยามค่ำคืน
3. ตำนานผีกินเด็ก “ฮาวาอูวาฮา” จากประเทศแอลจีเรีย
“ฮาวาอูวาฮา” คือชื่อของ ในแอลจีเรีย มีรูปร่างคล้ายแมงป่อง ขาข้างหนึ่งเป็นเสือดำ ส่วนอีกข้างมีลักษณะเหมือนปลา มีมือซ้ายเป็นมือลิง และมือขวาเป็นกรงเล็บกุ้งมังกร แถมใบหน้ายังเหมือนลิง มีดวงตาลุกเป็นไฟ โดยรวมแล้วมีรูปร่างที่แปลกประหลาด มักจะออกล่าเหยื่อที่เป็นเด็กในสถานที่เปลี่ยวๆ เพื่อจับกินเป็นอาหารในเวลากลางคืน เสื้อผ้าของมันก็คือเสื้อผ้าของเด็กๆ ที่ถูกกินนั่นเอง
4. ตำนาน บาบายาก้า” จากประเทศรัสเซีย
ตำนานแม่มดจากรัสเซีย เรื่องราวของหญิงชรา รูปร่างผอม จมูกยาว และมีฟันเหล็ก ถูกเรียกว่า “บาบายาก้า” อาศัยอยู่ในบ้านที่ทำด้วยโครงกระดูก ซึ่งโครงกระดูกเหล่านั้นเป็นของเด็กที่แม่มดจับมากิน เชื่อว่าแม่มดจะจับเด็กมาต้มกินเพื่อใช้เป็นยาอมตะ ทำให้ชีวิตยืนยาว ซึ่งตำนานบาบายาก้าเป็นเรื่องราวที่บรรดาพ่อแม่ชาวรัสเซีย ชอบนำมาขู่ลูกๆ ให้เชื่อฟังเพื่อไม่ให้โดนแม่มดจับไปกิน
5. ตำนาน “อาเมะ อนนะ” จากประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นก็มีตำนานของ “อาเมะ อนนะ (Ame Onna)” หรือที่เรียกว่า ผีสาวแห่งสายฝน ปีศาจผู้หญิงรูปร่างน่ากลัวที่สามารถเรียกฝนได้ ผีตนนี้จะตระเวนไปตามหมู่บ้านเพื่อหาเด็กเล็กในคืนฝนตก และลักพาตัวเด็กไป ในญี่ปุ่นจึงมักมีเรื่องราวที่เชื่อว่าหากวันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใส แต่จู่ๆ ฝนตกลงมาก็แสดงว่าผีสาวแห่งสายฝนอาจกำลังออกหาเหยื่อเด็กๆ นั่นเอง พ่อแม่ก็จะนำเด็กๆ เข้าบ้าน รีบหลบในห้องที่มิดชิดเพื่อไม่ให้ผีคนนี้มาจับตัวไปได้
6. ตำนาน “แครมปัส” จากประเทศเยอรมนี
เรื่องราวของอสูรกายที่เป็นความเชื่อสยองในวันคริสต์มาส มีลักษณะคล้ายแพะ มีเขาแหลม เขี้ยวและลิ้นยาวน่ากลัว มีชื่อเรียกว่า “แครมปัส” ซึ่งจะทุบตีเด็กดื้อและจับใส่กระสอบเพื่อนำไปซ่อนตัวไว้ ในกลุ่มประเทศยุโรปอย่างเยอรมนี ออสเตรีย ฮังการี สโลวีเนีย และสาธารณรัฐเช็ก จะมีเรื่องราวของ ตนนี้ที่เป็นความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน
เรื่องย่อ Bagman ผีกินเด็ก ตำนานผีกระเป๋าเฝ้าหลอนเด็ก
ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูตผีวิญญาณที่ตามหลอกหลอนเด็ก มักถูกหยิบมาเล่าขานในหนังอยู่เสมอ ๆ เช่นเดียวกับหนังสยองขวัญ Bagman ที่หยิบเอาเรื่องราวของอสุรกายที่มีมากว่าร้อยปี และสร้างฝันร้ายสุดสะพรึงให้กับทุกบ้านอย่าง “แบ็กแมน” ปีศาจร้ายที่อาศัยอยู่ในป่าลึก ล่อลวงเด็กที่เป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ยัดใส่กระเป๋ามรณะใบใหญ่ และทำให้เด็กคนนั้นหายไปตลอดกาล มาสร้างเป็นหนังให้ได้ชมกัน ตัวหนังได้ แซม แคลฟลิน จาก The Hunger Games: Catching Fire มารับบท แพทริก แม็กคี ชายหนุ่มที่ต้องเผชิญหน้ากับความกลัวฝังลึกในอดีตอีกครั้ง เมื่อการย้ายกลับบ้านเกิดได้ปลุกสิ่งชั่วร้ายจากตำนานเรื่องเล่าตามมาเอาชีวิตและครอบครัวของเขาในปัจจุบัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามดูหนังพร้อม ๆ กันเลย
ฝันร้ายเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อ แพทริก แม็กคี ผู้เคยรอดพ้นจากการเผชิญหน้ากับ “มัน” อย่างหวุดหวิดในตอนเป็นเด็ก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ทิ้งบาดแผลในใจให้กับเขาจนถึงตอนโต แต่ในตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้าความหวาดกลัวนั้นอีกครั้งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เมื่อ ตัวนี้มันกลับมาคุกคามภรรยาและลูกชายของเขา ทางรอดเดียวของทั้งครอบครัวมีเพียงอย่างเดียวคือ ฆ่ามันให้ได้ ไม่งั้นก็เตรียมโดนมันเขมือบยกบ้าน
ถ่ายทอดผลงานขวัญกระเจิงโดยผู้กำกับ คอล์ม แม็กคาร์ธี จากซีรีส์ Peaky Blinders (2014) และ Black Mirror (2017) เตรียมเผชิญหน้ากับความอำมหิตของผีร้ายที่ยิ่งกลัวมันยิ่งชอบ Bagman ภาพยนตร์สยองขวัญ
ชื่อเรื่อง Bagman
ประเภท สยองขวัญ
นำแสดงโดย แซม คลาฟลิน, สตีเฟน ครี, แอนโทเนีย ธอมัส
กำกับโดย โคล์ม แม็คคาร์ธี
รีวิวหนัง “Bagman ผีกินเด็ก” ปมหลอนที่อยากให้กระโจนกินหัวสักทีเถอะ..จะได้จบ ๆ
คอนเทนท์หนังสยองขวัญก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้สร้างพยายามอย่างยิ่งยวดในการคลอดและแตกประเด็นต่าง ๆ เพื่อหวังจะแปลกใหม่ พร้อมกับสร้างความบันเทิงชวนสยองตอบโจทย์ผู้ชม ท่ามกลางการแข่งขันของหนังประเภทนี้ที่แทบจะล้นตลาด หนึ่งเรื่องที่ลงสนามมาในปีนี้ก็คือ “Bagman ผีกินเด็ก” ที่เป็นการหยิบเอาตำนานปรำปราสุดหลอนที่เล่าขานกันมา จากทั่วทิศทั่วแดนของโลกที่เป็นผีร้ายคนละแบบเดียวกัน
Bagman ผีกินเด็ก เล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่พบว่าพวกเขาต้องติดอยู่กับฝันร้ายที่เล่าขานกันมาตั้งแต่เนิ่นนานตั้งแต่อดีตกาล กับการถูกติดตามโดยบางสิ่งที่ชั่วร้าย ปีศาจที่มักจะคืบคลานเข้ามาลักขโมยลูกหลานผู้ไร้เดียงสาและจับยัดลงกระเป๋าของมัน แพทริค ก็คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สุดเขย่าขวัญเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก มันได้ทิ้งเอาไว้ซึ่งบาดแผลในใจของเขามาชั่วชีวิต
แม้ว่าบัดนี้เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเป็นพ่อคนอย่างเต็มตัว หลังจากที่ครองชีวิตคู่กับภรรยา คารินา และมีลูกชายตัวน้อยด้วยกัน ที่ชื่อว่า เจค แต่เขาก็เริ่มค้นพบว่าฝันร้ายในวัยเด็กของตัวเองกำลังจะกลับมาตามหลอกหลอนและเยือนในช่วงชีวิตนี้ของเขาอีกครั้ง ซึ่งเขาจะต้องหาวิธีป้องกันจากภัยคุกคามที่ไม่อาจคาดเดาใด ๆ ได้ เพราะว่าย่องมาเงียบ ๆ แค่เพียงเสี่ยววินาทีที่เผลอไผลไปเท่านั้น
นี่คือผลงานหนังเรื่องใหม่รอบเกือบสิบปีของผู้กำกับชาวอังกฤษ “โคล์ม แม็คคาร์ธี” จากหนังเด็กซอมบี้ The Girl with All the Gifts เมื่อปี 2016 ที่ช่วงหลัง ๆ เบนเข็นไปรับงานซีรีส์เป็นส่วนใหญ่ โดยการกลับมาเขามาในหนังสยองขวัญแบบเต็มตัว ที่ทีมนักแสดงและทีมงานเป็นบริติชแทบจะทั่งหมด เพียงแต่ว่าแบล็กกราวด์ของเรื่องดันเป็นสถานการณ์เกิดขึ้นทางฝั่งอเมริกาเสียอย่างนั้น
โคล์ม แม็คคาร์ธี กำกับหนังจากบทของ “จอห์น ฮูลม์” ที่ถือว่างัดเอาเรื่องราวจากวัยเด็กของเขามาพัฒนาสร้างให้เป็นรูปเป็นร่างและก่อตัวเป็นความสยองขวัญที่เริ่มแตะต้องได้ แต่ทว่าน่าเสียดายที่ Bagman กลายเป็นหนังที่มีจุดด้อยอยู่เต็มไปหมดในส่วนของบทหนัง โดยเฉพาะการเซ็ตติ้งเรื่องราวต่าง ๆ แทบไร้น้ำหนักและหาความสมเหตุสมผลใด ๆ ไม่เลยสักนิดเดียว ส่งผลทำให้ทิศทางการเล่าเรื่องค่อนข้างจูนไม่ติดเสียที