Beetlejuice Beetlejuice เป็นภาพยนตร์ตลกสยองขวัญแฟนตาซีมืดสไตล์โกธิคสัญชาติอเมริกันปี 2024 กำกับโดย Tim Burton จากบทภาพยนตร์ของ Alfred Gough และ Miles Millar ภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งเป็นภาคต่อของ Beetlejuice (1988) และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองของแฟรนไชส์ Beetlejuice นำแสดงโดย Michael Keaton, Winona Ryder และ Catherine O’Hara ซึ่งกลับมารับบทเดิมร่วมกับนักแสดงหน้าใหม่ Justin Theroux, Arthur Conti, Monica Bellucci, Jenna Ortega และ Willem Dafoe ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลังจากภาพยนตร์เรื่องแรกมากกว่าสามทศวรรษ โดยเล่าเรื่องของ Lydia Deetz ซึ่งตอนนี้เป็นแม่แล้ว และดิ้นรนเพื่อให้ครอบครัวของเธอยังคงอยู่ด้วยกันหลังจากการสูญเสียเมื่อ Betelgeuse กลับมาหลอกหลอนเธอ
เรื่องย่อ Beetlejuice Beetlejuice
ในปี 2024 ลีเดีย ดีทซ์เป็นพิธีกรรายการทอล์คโชว์ชื่อ Ghost House เธอห่างเหินกับแอสทริด ลูกสาวของเธอ ตั้งแต่สามีเก่าของลีเดียและพ่อของแอสทริด ริชาร์ด เสียชีวิตในป่าอเมซอน ขณะบันทึกเทปรายการ ลีเดียเกิดภาพหลอนเห็นเบเทลจุส ซึ่งพยายามจะแต่งงานกับเธอเมื่อ 36 ปีก่อน ในกลุ่มผู้ชม
ไม่นานหลังจากนั้น เดเลีย แม่เลี้ยงของลีเดียแจ้งกับลีเดียว่าชาร์ลส์ พ่อของเธอถูกฉลามกิน พวกเขาและแอสทริดเดินทางไปที่วินเทอร์ริเวอร์ รัฐคอนเนตทิคัต เพื่อร่วมงานศพของชาร์ลส์ ในงานศพ รอรี่ แฟนหนุ่มและโปรดิวเซอร์ของลีเดีย กดดันให้เธอแต่งงานกับเขาในวันฮัลโลวีน แต่เธอก็ตอบตกลงอย่างลังเล ในขณะเดียวกัน แอสทริดได้พบกับเด็กชายในท้องถิ่นชื่อเจเรมี เฟรเซียร์ ซึ่งชวนเธอไปฉลองฮัลโลวีนกับเขา
ใน Netherworld เบเทลจุสควบคุมดูแลสำนักงานของ “ผู้ขับไล่ปีศาจด้วยชีวภาพ” ซึ่งประกอบด้วยพนักงานที่มีหัวหดตัวในขณะที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับลีเดีย วูล์ฟ แจ็คสัน อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นนักสืบแจ้งแก่เบเทลจุสว่าเดโลเรส ลาเฟอร์ฟ อดีตภรรยาของเขาซึ่งเป็นผู้นับถือลัทธิ ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งและออกอาละวาดฆ่าคนโดยดูดวิญญาณของคนตายไประหว่างที่ออกตามหาเขา ทั้งคู่พบกันในช่วงที่เกิดกาฬโรคในอิตาลี แต่ต่อมาเดโลเรสได้วางยาพิษเบเทลจุสเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมแห่งความเป็นอมตะ จากนั้นเขาก็ฆ่าเธอก่อนจะเสียชีวิตจากพิษดังกล่าว ภาพยนตร์สยองขวัญ
ชื่อเรื่อง Beetlejuice Beetlejuice
- ประเภท ตลก / สยองขวัญ / แฟนตาซี
- นำแสดงโดย ไมเคิล คีตัน, เจนนา ออร์เทกา, วิโนนา ไรเดอร์
- กำกับโดย ทิม เบอร์ตัน
รีวิวภาพยนตร์ “Beetlejuice Beetlejuice – บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์”
สำหรับใครที่กลัวว่าไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนเลย จะดูรู้เรื่องหรือดูเข้าใจไหม เนื้อเรื่องมันจะต่อกันแค่ไหน ขอบอกตรงนี้ว่า ไม่เคยภาคก่อนหน้านี้ก็ดูรู้เรื่องเหมือนกัน แต่เป็นไปได้ว่าหาภาคแรกมาดูน่าจะดีกว่า เพราะว่ากลิ่นอายของภาคแรกมันมาอยู่ในภาคนี้แบบจัดเต็ม คือชวนคิดถึงสุด ๆ
อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าถึงไม่ดูภาคแรกก็พอจะเข้าใจเนื้อเรื่อง เพราะว่ามีตัวละครอย่าง “แอสทริด” เป็นตัวละครที่ไม่รู้เรื่องผีและไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยในโลกหลังความตาย มันก็เหมือนกับคนดูที่ไม่เคยดูภาคแรก แต่สำหรับเราก็ยังรู้สึกว่าภาคนี้ก็ไม่ได้บอกข้อมูลอะไรมากขนาดนั้นเหมือนกัน สุดท้ายก็คนที่ไม่เคยดูภาคแรกก็ต้องไปหาดูอยู่ดี เนื้อเรื่องยังคงเป็นไปตามสไตล์เหมือนกับภาคก่อนหน้า ความตลก ความแฟนตาซี อัพเกรดขึ้นมาจากภาคแรก นักแสดงเก่า ๆ ที่ชวนคิดถึงก็กลับมาเล่นครบกันหมด ถือว่าเป็นผลงานที่สนองนี้ดต่อแฟนคลับแฟรนไชน์เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์สำหรับเรารู้สึกสนุกกับภาคนี้นะ สนุกขนาดที่ว่าอยากให้มีภาคต่อ เพราะชื่อเรื่องมันจะได้เป็น ครบ 3 ครั้ง และเป็นการปิดไตรภาคอย่างสมบูรณ์ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดูภาคแรกเลย อาจจะไม่ได้รู้สึกเอ็นจอยมากขนาดนั้น เพราะมันยังมีการเล่าเรื่องที่งง ๆ ใครเป็นใคร อะไรเป็นยังไง เพราะในเรื่องมันเล่าออกมานิดหน่อย ส่วนด้านกราฟิกนี่ คือ ยังคงมีการทำให้คล้ายคลึงกับภาคแรก แต่เพราะยุคสมัยที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าแต่ก่อน เลยทำออกมาได้ดีกว่า ยังไงซะตรงนี้เราก็ยังคิดว่ามีบาง CG ที่ลอยอยู่บ้าง
บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์แอบเคืองใจบทของตัวละคร บทตัวละครใหม่ออกมาแค่นิดเดียว หรือปูตัวละครออกมาดูน่ากลัว ดูเป็นลาสต์บอสแน่ ๆ แต่กลับทำตอนจบของตัวละครนั้นออกมาได้ชุ่ยไปหน่อย แอบเคืองตรงนี้นิดนึง และก็เรื่องน่าเสียดายที่ไม่ค่อยเห็นผีหลอกเหมือนภาคแรก อย่างไอคอนนิคของภาคแรกคือสไตล์การหลอกของสามีภรรยาที่เรียกได้ว่าติดตาจนมาถึงทุกวันนี้ ภาคนี้ไม่ค่อยมีอะไรอย่างนั้นเท่าไหร่ อาจจะตัวดำเนินหลักไม่ใช่ผี (อย่างน้อยมีฉากหลอกคนหน่อยก็ดี ฮือ ๆ ๆ) แต่ยังไงโดยรวมสำหรับเราก็รู้สึกสนุกอยู่ดีนะ อาจจะไม่ได้สนุกในเรื่องของเนื้อเรื่อง อย่างน้อยก็รู้สึกเอ็นจอยกับกลิ่นอายภาคก่อนหน้าที่มาผสมกับภาคนี้ด้วย